โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่เพิ่งค้นพบ ผู้ป่วยโรคโควิด-19 จะมีอาการของคนที่ติดโควิด มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่งผลต่อผู้คนในรูปแบบที่แตกต่างกันไป และหายจากโรคนี้ได้เองโดยไม่ต้องรับการรักษาพิเศษ
การแพร่ระบาดของโรค
ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 จะแพร่กระจายผ่านฝอยละอองเป็นหลัก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือหายใจออก ฝอยละอองเหล่านี้มีน้ำหนักมากเกินกว่าจะลอยอยู่ในอากาศ และจะตกลงบนพื้นหรือพื้นผิวอย่างรวดเร็ว
คุณอาจติดเชื้อได้จากการหายใจเอาไวรัสเข้าสู่ร่างกายเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 หรือโดยการสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสแล้วสัมผัสตา จมูก หรือปากของตนเอง เพราะฉะนั้นต้องตรวจโควิด rt pcr
อาการทั่วไปมีดังนี้
อาการที่พบได้บ่อย
มีไข้ มีอุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีไข้เลย
มีอาการทางเดินหายใจข้อใดข้อหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจจะมีเพียงอาการเดียว หรือมากกว่านั้น คือ
- เจ็บคอ
- ไอ
- มีน้ำมูก
- หายใจเร็ว หายใจลำบาก หอบเหนื่อย
- จมูกไม่ได้กลิ่น หรือลิ้นไม่รับรส
อาการรุนแรงมีดังนี้
- หายใจลำบากหรือหายใจถี่
- เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
- สูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว
โดยเฉลี่ยแล้วผู้ที่ติดเชื้อไวรัสจะแสดงอาการป่วยใน 5-6 วัน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอาจใช้เวลานานถึง 14 วันจึงจะแสดงอาการ
หากสังเกตอาการ และสงสัยว่าตนเองเสี่ยงติดเชื้อ ให้สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างจากบุคคลอื่นๆ และควรรีบไปพบแพทย์ทันที
อาการโควิดสายพันธุ์อัลฟา (สายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7)
อาจพบอาการต่อไปนี้
- ในช่วง 14 วันแรกจะมีอาการเป็นไข้
- หนาวสั่น
- ไอ หายใจถี่ หายใจลำบาก
- ปวดศีรษะ
- สูญเสียการได้กลิ่น
- เจ็บคอ
- มีน้ำมูก
- อ่อนเพลีย
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- อาเจียน หรือท้องเสีย
มีผื่นขึ้นที่เท้าหรือนิ้วเท้า ลักษณะคล้ายตาข่ายหรือเส้นใยเล็ก ๆ หรือมีจุดเลือดออก หรือมีผื่นบวมแดงคล้ายโรคลมพิษ หรือบางรายอาจมีลักษณะกลุ่มของตุ่มน้ำคล้ายโรคอีสุกอีใส
บางรายอาจมีอาการตาแดง แต่พบได้น้อยเพียง 1-3% โดยมีอาการเยื่อบุตาอักเสบหรือบวม น้ำตาไหล ระคายเคืองตา คัน มีขี้ตา ตาสู้แสงไม่ได้
อาการโควิดสายพันธุ์เดลตา (สายพันธุ์อินเดีย B.1.617)
- ปวดหัว
- เจ็บคอ
- มีน้ำมูก
- มักจะไม่ค่อยสูญเสียการรับรส
- มีอาการทั่วไปคล้ายหวัดธรรมดา
ดังนั้น หากรู้สึกไม่สบาย คล้ายเป็นหวัด ควรสังเกตตัวเอง หากมีอาการน่าสงสัยให้รีบไปพบแพทย์
อาการโควิดสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้)
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- เจ็บคอ
- ท้องเสีย
- ปวดศีรษะ
- ตาแดง
- การรับรสหรือการได้รับกลิ่นผิดปกติ
- มีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง หรือนิ้วมือ นิ้วเท้าเปลี่ยนสี
โควิดลงปอด มีอาการอย่างไรบ้าง ?
อาการที่สังเกตได้ว่าเชื้อโควิดลงปอดแล้วก็คือ
- ไอแห้ง ๆ มีอาการไอมากขึ้น
- เหนื่อยง่ายขึ้น สังเกตได้จากเวลาทำกิจกรรมอะไรก็ตามที่เคยทำได้ปกติ แต่ตอนนี้เมื่อทำแล้วจะรู้สึกเหนื่อยเร็วกว่าเดิม
- หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก
- หายใจติดขัด หายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม เนื่องจากเชื้อที่ลงปอดจะทำให้เกิดการอุดกั้นบริเวณถุงลมปอด ส่งผลต่อการแลกเปลี่ยนและลำเลียงออกซิเจน
- พูดติดขัด ขาดห้วง
- ระดับออกซิเจนในเลือดลดต่ำลง เพราะเชื้อที่อุดกั้นถุงลมปอด ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไม่ดี จึงส่งออกซิเจนไปยังกระแสเลือดน้อยกว่าปกติ
การประเมินอาการความรุนแรงของผู้ป่วยโควิด 19 จะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
ผู้ป่วยสีเขียว อาการไม่รุนแรง สามารถทำ Home isolation ได้
- ไม่มีอาการ
- มีไข้ หรือวัดอุณหภูมิร่างกายได้ 5 องศาเซลเซียสขึ้นไป
- ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ
- ไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง ผื่น
- ถ่ายเหลว
- ไม่มีอาการหายใจเร็ว
- ไม่มีอาการหายใจเหนื่อย
- ไม่มีอาการหายใจลำบาก
- ไม่มีปอดอักเสบ
- ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง / โรคร่วมสำคัญ
ผู้ป่วยสีเหลือง
- มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงหรือโรคร่วมสำคัญ ข้อใดข้อหนึ่ง
- แน่นหน้าอก
- หายใจไม่สะดวกขณะทำกิจกรรม
- หายใจเร็ว เหนื่อย หายใจลำบาก ไอแล้วเหนื่อย
- อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ
- ปอดอักเสบ
- ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวันร่วมกับหน้ามืดวิงเวียน
ผู้ป่วยสีแดง
- หอบเหนื่อย พูดไม่เป็นประโยค
- แน่นหน้าอกตลอดเวลา หายใจแล้วเจ็บหน้าอก
- ซึม เรียกไม่รู้ตัว ตอบสนองช้า
- ปอดบวมที่มี hypoxic (risting O2 saturation <96%) หรือมีภาวะลดลงของออกซิเจน SpO2 มากกว่าหรือเท่ากับ 3% ของค่าที่วัดได้ครั้งแรกขณะออกแรง หรือภาพรังสีทรวงอกมี progression ของ pulmonary infiltrates
ประวัติเสี่ยง มีอะไรบ้าง ?
- เดินทางมาจากเขตติดโรค หรือพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง
- ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางมาจากเขตติดโรค หรือพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง
- สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยยืนยัน
- เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน
การดูแลตัวเอง และป้องกันการติเชื้อไวรัส โควิด-19
สถานการณ์ไวรัส COVID-19 ยังคงแพร่ระบาดอยู่อย่างต่อเนื่องในขณะนี้ นอกจากการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันแล้ว เราควรดูแลสุขอนามัยของตนเองเพื่อป้องกัน COVID-19
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกแล้ว งดอาหารดิบ และเนื้อสัตว์ป่า
- ใช้ช้อนกลาง เมื่อทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
- หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ล้างให้สะอาด ด้วยแอลกอฮอล์เจลหรือสบู่
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้าน
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือมีมลภาวะเป็นพิษ
- งดเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงโรคระบาด
- สังเกตอาการของตนเอง และกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน เมื่อพบว่าตนเองไปในสถานที่เสี่ยงติดเชื้อ