กลิ่นตัว คือกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นที่ทุกคนไม่ต้องการ และกลิ่นตัวมักเกิดกับวัยหนุ่มสาว เป็นผลมาจากต่อมเหงื่อที่ทำงานมากขึ้น เพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้เหงื่อขับออกมามากโดยเฉพาะรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือระหว่างขาหนีบ หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีอากาศร้อนทำให้เหงื่อสัมผัสกับแบคทีเรียทำให้มีกลิ่นตัวหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อย่างเช่นกลิ่นเต่า และวันนี้เราจะพาคุณไปดูสาเหตุและการกำจัดกลิ่นตัวรักแร้ว่ามีวิธีไหนบ้าง อย่ารอช้าเราไปดูกันเลยค่ะ
สาเหตุของการเกิดกลิ่นตัว
ผิวหนังของเราจะมีต่อมเหงื่ออยู่ 2 ต่อมด้วยกันคือต่อม Eccrine Gland และ Apocrine Gland ซึ่งแต่ละต่อมมีหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ต่อม Eccrine Gland เป็นต่อมที่อยู่บริเวณผิวหนังมีหน้าที่ผลิตเหงื่อเมื่ออุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เช่นการออกกำลังกาย การทำงานหนัก ในเหงื่อจะมีน้ำเกลือเป็นส่วนประกอบหลัก และจะละเหยและแห้งไปเองเมื่ออุณหภูมิในร่างกายเย็นลง
- ต่อม Apocrine Gland เป็นต่อมที่อยู่บริเวณที่มีขนขึ้นมาก เช่น รักแร้ ขาหนีบ จะผลิตของเหลวสีขาวออกมาเมื่อเกิดความเครียด ละเมื่อของเหลวสีขาวสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังก็จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้
วิธีป้องกันและการกำจัดกลิ่นตัว
การมีเหงื่อไหลมากและก็กลิ่นตัวคือปัญหาอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครต้องการที่จะให้เกิดขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยทั่วไปกลิ่นตัวสามารถจัดการได้ด้วยการกำจัดแบคทีเรียบนผิวหนังที่เป็นต้นเหตุที่กระตุ้นให้เกิดกลิ่นตัว โดยยิ่งไปกว่านั้นที่บริเวณรักแร้ให้สะอาดและไม่เปียกชื้น และการป้องกันที่ได้ผลคุณต้องดูแลตัวเองให้ดี หากคุณเป็นคนที่มีกลิ่นตัวอยู่แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด ควรจะที่อยู่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี และหมั่นสังเกตตัวเองหากมีเหงื่อออกมาก ๆ ให้รีบไปทำความสะอาดจุดที่มีเหงื่อออกเพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็นออกมาสู่ภายนอกได้
บทความแนะนำ เนื้อใต้รักแร้ จากเว็บไซต์ Rattinan.com
การกำจัดกลิ่นตัวทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
- อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก ทำความสะอาด และก็กำจัดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง หลังอาบน้ำควรจะเช็ดตัวให้แห้ง เพราะว่าแบคทีเรียสามารถเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีความเปียกชื้น
- ดูแลความสะอาดของรักแร้ รักแร้เป็นอวัยวะที่มีต่อมอะโพไครน์จำนวนมากซึ่งเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่กลิ่นตัว ควรจะอาบน้ำและก็ชำระล้างบริเวณรักแร้ให้สะอาดโดยใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งเล็มหรือโกนขนรักแร้เป็นประจำ เพื่อทำให้เหงื่อระเหยได้ไวขึ้น ลดการสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งควรจะดูแลใต้วงแขนเสมอให้แห้งจะช่วยลดการเกิดกลิ่นตัวได้
- สารระงับเหงื่อ (Antiperspirant) ที่มีส่วนผสมของอลูมิเนียมคลอไรด์ (Aluminium Chloride) เพื่อลดการสร้างเหงื่อ ซึ่งถ้าเกิดสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังจะเป็นต้นเหตุนำมาซึ่งกลิ่นตัว โดยทาที่รักแร้เป็นประจำทุกคืนในช่วงก่อนนอนแล้วล้างออกในตอนเช้า ถ้าเกิดจำนวนเหงื่อลดน้อยลงบางทีอาจปรับการใช้งานเป็นวันเว้นวัน หรือ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์
- ยาดับกลิ่นตัว (Deodorant) จะสามารถที่จะช่วยในการกำจัดกลิ่นตัว แต่ว่าไม่สามารถที่จะลดการสร้างเหงื่อได้ ยาระงับกลิ่นตัวส่วนมากจะมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งจะปรับสภาพผิวให้มีความเป็นกรดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ลดการเกิดปฏิกิริยากับแบคทีเรีย หรือยาระงับกลิ่นตัวที่มีส่วนผสมของน้ำหอมจะช่วยปกปิดกลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นตัวได้
- สวมเสื้อผ้าที่สะอาด หมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้าบ่อย ๆ ไม่สวมเสื้อผ้าซ้ำโดยไม่ซัก เปลี่ยนชุดหลังบริหารร่างกายหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก รวมทั้งเลือกสวมเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ อย่างเช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าไหม จะช่วยระบายอากาศแล้วก็ทำให้เหงื่อระเหยได้ไวขึ้น
- ปรับเปลี่ยนการทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน หรืออาหารที่มีกลิ่นฉุน ตัวอย่างเช่น กระเทียม หัวหอม ผงกระหรี่ หรือเนื้อแดง จะสามารถไหลซึมออกทางรูขุมขน ทำให้เหงื่อมีกลิ่น แล้วก็เกิดกลิ่นตัวได้
- ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) ความเข้มข้น 3% ผสมน้ำ 1 ถ้วยแล้วขัดในบริเวณที่มีกลิ่นตัว เช่น รักแร้ หรือขาหนีบ เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้มีการเกิดกลิ่นตัว
- ปรึกษาหมอ ถ้าพบว่ามีเหงื่อหรือกลิ่นตัวก่อกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือพบว่ามีเหงื่อซึมมากผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นเพราะความผิดปกติภายในร่างกายที่เรียกว่าสภาวะหลั่งเหงื่อมาก (Hyperhidrosis) หรือเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการใช้ยาบางประเภท เพื่อวินิจฉัยรวมทั้งทำการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
บทความแนะนำ การฉีดฟิลเลอร์ จาก Rattinan.com
การรักษาเหงื่อออกรักแร้มาก
การรักษาเหงื่อออกรักแร้มากมีวิธีการรักษา ดังนี้
1. การดูแลและรักษาโดยใช้ยาทา (Medical Treatments)
เพราะสภาวะหลั่งเหงื่อมากบริเวณรักแร้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลต่อสถานการณ์ทางด้านจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยมีความเชื่อมั่นในตัวเองน้อยลง แล้วก็คุณภาพชีวิตลดลงด้วย การดูแลและรักษาโดยการใช้ยาทาก็เลยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและยาที่ใช้ทามี 2 ชนิด ดังนี้
- เกลืออลูมินัม (Aluminum Salt)
อลูมิเนียมคลอไรด์เฮกซ่าไฮเดรท เป็นสารที่ได้ถูกเพิ่มเข้าไปในยาระงับเหงื่อที่ขายตามตลาด ในขนาดต่ำที่ 1-2% สำหรับเพื่อการรักษาทางด้านการแพทย์จะใช้ที่สูงขนาด 15-25% ใช้ทาทุกวันก่อนนอน ล้างออกในตอนเช้า ใช้ 3-7 ครั้ง/อาทิตย์ กระทั่งจำนวนเหงื่อจะปกติ ก็เลยลดการใช้เป็นอาทิตย์ละ 1-3 ครั้ง โดยตัวยาจะเข้าไปอุดกั้นท่อต่อมเหงื่อ จนเกิดการฝ่อของต่อมเหงื่อสุดท้าย ที่รักแร้พบว่าได้ผลดีถึงร้อยละ 80 % เลยทีเดียว
- สารต่อต้านโคลิเนอจิคชนิดทา (Anticholinergic Substance)
สารต้านทานโคลิเนอจิคชนิดทา มักใช้ในผู้ป่วยที่มีสภาวะหลั่งเหงื่อมาก อาทิเช่น เฟร์ซินโดรม (Frey’ s Syndrome) มีสารไกลโคไพโรลเลท (glycopyrrholate) 0.5-1% ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ ระคายเคืองผิวหนัง ส่วนยาสโคโพลามีน (Scopolamine) ไม่นิยมใช้ เพราะสามารถดูดซึมไปสู่ร่างกาย ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
2. การดูแลและรักษาโดยใช้สารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin Injection)
สารโบทูลินัมใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังบริเวณรักแร้ สารนี้ผลิตจากแบคทีเรียชนิดแอนแอโรบิค ชื่อครอสติเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ทำงานโดยยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท (Acethylcholine) ที่ตำแหน่งของรอยต่อระหว่างปลายประสาทแล้วก็กล้ามเนื้อ (Neuromuscular Junction) รวมทั้งที่รอยต่อของปลายประสาท ทำให้ต่อมเหงื่อเอ็คไคลน์ ไม่ถูกกระตุ้นให้ผลิตเหงื่อ ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีที่ 4 อาทิตย์ การโต้ตอบการดูแลรักษาโดยประมาณ 85% แล้วก็ที่ 12 อาทิตย์ ตอบสนองถึง 90%
3. การรักษาในรูปยากิน (Systemic Treatment)
ปัจจุบันนี้สำหรับการรักษาเหงื่อออกมากทั้งตัว มีการรักษาด้วยการใช้ยารับประทานในกลุ่มต่อต้านโคลิเนจิค (Anticholinergic Drugs) ดังเช่น ไกลโคไพโลเลท (Glycopyrrolate) ขนาด 1-2 มิลลิกรัม รับประทานสามครั้ง/วัน ซึ่งได้ประสิทธิภาพที่ดี ตัวยาไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท (Acethylcholine) ที่ส่งมากระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อเอ็คไคลน์
4.การผ่าตัด (Surgical Treatment)
การผ่าตัดปมประสาท (Sympathectomy) โดยการส่องกล้องผ่านเข้าช่องหน้าอก เป็นกระบวนการรักษาสุดท้ายซึ่งนับว่าเป็น แนวทางที่ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาสภาวะหลั่งเหงื่อมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีเหงื่อออกมาก และไม่สามารถควบคุมได้หรือไม่สามารถรักษาโดยใช้วิธีอื่น ๆ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีกำจัดกลิ่นตัวรักแร้ และการรักษาหากคุณมีกลิ่นตัวไม่มากก็สามารถรักษาได้ด้วยตนเอง หากมีอาการรุนแรงมากจนเข้าใกล้ใครไม่ได้ก็ต้องพึงการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำให้คุณหายจากการมีกลิ่นตัวได้ และจะให้หายขาดจะต้องดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วยถึงจะได้ผลดีที่สุด